เช็กราคาประกันภัยรถยนต์หรือ ซื้อประกันรถออนไลน์ได้เลย

มาเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่รถยนต์ของคุณ ด้วยการ ซื้อประกันรถยนต์ สามารถเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ได้ รวดเร็วทันใจ หรือมองหาประกันรถยนต์ราคาถูกก็ทำได้ง่าย ๆ ทางออนไลน์ ที่นี่เลย

เช็กเบี้ยประกันรถยนต์รายปี

gettgo

เช็กเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ง่าย ๆ ที่ gettgo

สำหรับใครที่กำลังต้องการทำประกันรถออนไลน์ ก่อนเลือกทำประกันรถยนต์ gettgo จะพาไปทำความรู้จักกับประเภทและความคุ้มครองของผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ให้คุณเลือกประกันที่ใช่ในแบบเข้าใจง่าย เราแบ่งประเภทประกันรถยนต์ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

ประกันรถยนต์ภาคบังคับ ?

Motor 1

ประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เราเรียกว่า พ.ร.บ. ซึ่งกฎหมายในประเทศของเราบังคับให้รถที่มีการจดทะเบียนต้องทำทุกคัน ถ้าไม่ทำก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท อีกทั้ง พ.ร.บ. ยังต้องใช้เพื่อต่อภาษีรถประจำปีด้วย

พ.ร.บ. คุ้มครองอะไรบ้าง ?

  • 1) ค่ารักษาพยาบาล กรณีบาดเจ็บ
  • 2) ค่าชดเชย กรณีแอดมิต ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล
  • 3) ค่าปลงศพ กรณีเสียชีวิต

ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ?

Motor 2

ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยกฎหมายไม่ได้บังคับ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณเอง ประกันรถยนต์ประเภทนี้จะมีให้เลือกหลายแบบ สามารถซื้อได้จากทั้งบริษัทประกันภัย หรือโบรกเกอร์ประกันภัยซึ่งความคุ้มครองจะครอบคลุมถึงความเสียหายต่อตัวรถคุณ ชีวิตร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เนื่องจากมีความคุ้มครองและสิทธิพิเศษมากกว่าประกันภาคบังคับ จึงทำให้มีอัตราค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่าด้วยนั่นเอง

ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจนั้นจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเภท ซึ่งคุณสามารถที่จะเลือกซื้อประกันประเภทนี้ตามความเหมาะสมได้ โดยพิจารณาจาก อายุรถ ลักษณะการใช้งาน ซึ่งหากคุณกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ราคาไม่แพงที่คุ้มครองสูง มีอัตราค่าเบี้ยในราคาที่คุ้มค่า ลองมาเช็กราคาประกันรถยนต์หรือซื้อประกันรถออนไลน์ที่ gettgo ได้เลย แต่ก่อนที่จะเลือกซื้อประกันรถยนต์ gettgo จะพาไปทำความเข้าใจกับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจในแต่ละประเภทดังต่อไปนี้

gettgo

ประกันรถยนต์ชั้น 1

สำหรับมือใหม่ หรือผู้ที่เพิ่งซื้อรถใหม่ ต้องการความคุ้มครองครบ

ถ้าคุณมีรถใหม่อายุไม่เกิน 10 ปี อยากขับรถแบบสบายใจ ได้ความคุ้มครองที่ครบ ต้องเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะคุ้มครองรถคุณ ไม่ว่าจะรถหาย รถชน ทั้งแบบมีคู่กรณีหรือไม่มี และคุ้มครองทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกายและอนามัย ของคู่กรณีในกรณีเกิดอุบัติเหตุด้วย

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

สำหรับผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์ในการขับขี่ และใช้รถอยู่เป็นประจำ

หากอยากได้ประกันภัยรถยนต์ราคาสบายกระเป๋าแต่ความคุ้มครองเกือบครบ คุณเหมาะกับการทำประกันรถยนต์ประเภท 2+ ความคุ้มครองแทบจะเหมือนกับการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่ว่าจะรถชน รถหาย แต่จะไม่เหมือนประกันชั้น 1 ตรงที่จะคุ้มครองการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น แต่เบี้ยประกันถูกลงกว่าเยอะ

ประกันรถยนต์ชั้น 3+

สำหรับสายประหยัด แต่อยากอุ่นใจเรื่องอุบัติเหตุ

หากคุณอยากประหยัดเบี้ยประกันลงอีก และต้องการความคุ้มครองด้านอุบัติเหตุเป็นหลัก คุณเหมาะกับการทำประกันรถยนต์ชั้น 3 + ที่ความคุ้มครองแทบจะเหมือนกับการทำประกันชั้น 2+ ต่างแค่ไม่คุ้มครองกรณีรถหาย

ประกันรถยนต์ชั้น 3

สำหรับผู้ชำนาญในการขับขี่ และผู้ใช้รถน้อย

สำหรับคนที่มั่นใจตัวเองว่าเป็นคนขับรถดี หรือใช้รถน้อย คุณน่าจะเหมาะกับการทำประกันรถยนต์ ชั้น 3 ซึ่งจะคุ้มครองทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกายและอนามัย ของคู่กรณีเท่านั้น เบี้ยประกันจะถูกที่สุดเพราะความคุ้มครองจะน้อยที่สุด

gettgo ขอขยายความการชนแบบมีคู่กรณี หรือแบบไม่มีคู่กรณี ให้เข้าใจมากขึ้น ดังนี้

  • การชนแบบมีคู่กรณี คือ คุณขับรถไปชนรถคนอื่นเข้าแล้วเกิดความเสียหาย หรือจำง่าย ๆ ว่า รถชนรถนั่นเอง
  • การชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ขับไปชนเสาไฟ กระถางต้นไม้ หินกระเด็นใส่กระจกหน้าแตก น้ำท่วมรถ ประกันชั้น 1 เบี้ยประกันจะแพงกว่าประกันชั้นอื่น ๆ แต่ซื้อแล้วสบายใจสุด ๆ

แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกทำประกันรถยนต์ประเภทใดนั้น ควรเช็กราคาประกันภัยรถยนต์ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ว่าเป็นราคาที่คุณยอมรับได้และลงตัวกับการใช้งานรถของคุณอย่างแท้จริง ซึ่งตอนนี้ คุณสามารถเปรียบเทียบความคุ้มครองของประกันรถยนต์ออนไลน์ หรือแม้แต่ซื้อประกันรถยนต์ทางออนไลน์ ได้ง่ายๆ ที่ gettgo เลย

คำถามที่พบบ่อย

ประกันรถยนต์ (Motor Insurance) คือประกันภัยที่คุ้มครองผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงบุคคลที่สามจากอุบัติเหตุหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขับขี่รถยนต์ โดยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันตามค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่เกินวงเงินประกันภัยโดยจะคุ้มครอง 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่:

  • ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รถยนต์ เช่น ค่าซ่อมรถ
  • ร่างกายและทรัพย์สิน คุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่ผู้โดยสารรวมถึงบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บจากรถคันที่ทำประกันภัย

แนะนำให้ทำประกันรถยนต์เพิ่มด้วยครับ เนื่องจากประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมจาก พ.ร.บ.รถยนต์ เช่น ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติม ค่าชดเชยต่างๆ รวมถึงค่าซ่อมรถด้วย แต่ พ.ร.บ. จะคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาล ค่าสินไหมทดแทนเมื่อเสียชีวิตเท่านั้น ไม่ได้คุ้มครองตัวรถนั่นเอง

นอกจากเลือกความคุ้มครองแล้วไลฟ์สไตล์การขับขี่ก็สำคัญไม่แพ้กัน:

  • ประกันชั้น 1 เหมาะกับมือใหม่ หรือผู้ที่เพิ่งซื้อรถใหม่ ต้องการความคุ้มครองครบ
  • ประกันชั้น 2+ เหมาะกับผู้ที่ขับรถชำนาญ ขับทุกวัน หรือเดินทางบ่อย
  • ประกันชั้น 3+ สำหรับสายประหยัด แต่อยากอุ่นใจเรื่องอุบัติเหตุ
  • ประกันชั้น 3 เหมาะกับผู้ที่ขับรถเก่าหรือรถมือสอง และไม่เคยมีประวัติขับรถชนเลย

หากแต่งรถเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อให้รถยึดเกาะกับถนนได้ดีขึ้น ประกันยังคงให้ความคุ้มครองครับ แต่ถ้าตกแต่งรถหลังจากทำประกันไปแล้ว ต้องแจ้งให้บริษัทฯ ประกันทราบเพื่อความคุ้มครองชุดอุปกรณ์ตกแต่งนั้นด้วย หากไม่แจ้ง บริษัทฯ ประกันจะคุ้มครองอุปกรณ์พื้นฐานที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ตามที่ออกจากโรงงานเท่านั้น แต่กรณีที่มีการแต่งรถเพื่อเพิ่มความเร็ว เพื่อการแข่งขันถือเป็นการใช้รถผิดประเภท ประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองครับ

ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองในกรณี:

  • เมาแล้วขับ
  • ขับรถแข่งความเร็ว
  • ไม่ได้ทำใบขับขี่
  • นำรถยนต์ไปใช้ในทางผิดกฎหมาย
  • ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานหนัก หรือเสื่อมสภาพตามอายุ
  • ขับรถออกนอกพื้นที่คุ้มครอง
  • ใช้งานรถยนต์นอกเหนือจากที่จดกรมธรรม์ไว้
  • นำรถไปลากจูง
  • กรณีเกิดสงคราม ปรมาณู หรือกัมมันตภาพรังสีของเชื้อเพลิงปรมาณู

ค่าเสียหายส่วนแรก หรือค่า Deductible เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้เอาประกันยินดีรับผิดชอบเมื่อมีการเคลมประกันในอุบัติเหตุที่เป็นฝ่ายผิดเอง เช่น ค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท เมื่อเกิดเหตุและมีความเสียหายเท่ากับหรือน้อยกว่า 1,000 บาท ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเอง ทางประกันจะไม่ได้ชดเชยให้แต่ถ้าค่าเสียหายในครั้งนั้นมากกว่า 1,000 บาท บริษัทประกันจะรับผิดชอบส่วนต่างที่เกินมาให้นั่นเอง

ง่าย ๆ เลยก็คือ ค่า Excess เป็นค่าใช้จ่ายที่ “บังคับเก็บ” ไม่ว่าคุณจะทำประกันชั้นไหน หรือบริษัทใดก็ตาม โดยกรณีที่เข้าข่ายโดนเก็บค่า Excess ก็คือ อุบัติเหตุที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ ส่วนค่า Deductible เป็นค่าใช้จ่ายที่คุณยอมเสีย “แบบสมัครใจ” ทุกครั้งที่มีการเคลมในอุบัติเหตุ “ที่คุณเป็นฝ่ายผิด”

เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ อย่างแรกให้ตั้งสติและโทรหาบริษัทประกันรถทันที เพื่อแจ้งเคลมกับทางเจ้าหน้าที่ โดยจะต้องบอกให้ละเอียดว่า เกิดเหตุขึ้นเมื่อไหร่ มีคู่กรณีหรือไม่ มีคนบาดเจ็บไหม หากมีหลักฐานกล้องวงจรปิดหรือพยานที่เห็นเหตุการณ์ ก็จะเป็นหลักฐานสำคัญในการเคลมประกันรถยนต์ของคุณได้ครับ

"ซ่อมอู่"

คือคุณต้องนำรถเข้าซ่อมกับอู่ที่อยู่ในเครือของบริษัทประกัน(ไม่ต้องสำรองจ่าย) หรืออู่อื่นๆที่อยู่นอกเครือ (ต้องสำรองจ่าย) เท่านั้น

"ซ่อมห้าง(x)"

คุณสามารถนำรถเข้าซ่อมกับศูนย์บริการของยี่ห้อรถยนต์ของคุณที่อยู่ในเครือบริษัทประกันได้ด้วย ซึ่งปกติแล้วเบี้ยประกันแบบซ่อมห้าง (ศูนย์) จะแพงกว่าแบบซ่อมอู่

จริงๆ แล้วเบี้ยประกันสามารถลดได้ครับ ควรหมั่นเช็กเบี้ยประกันทุกปี สำหรับรถที่ไม่เคยมีการเคลมประกันเลยในช่วงปีแรก เบี้ยประกันในปีต่อไปจะลดลง อีกกรณีหนึ่ง ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุแล้วคุณเป็นฝ่ายถูก บริษัทประกันจะเรียกเงินค่าเสียหายจากคู่กรณีได้ก็ช่วยให้เบี้ยประกันในปีถัดไปลดลงเช่นกันถ้าคุณต้องการเปลี่ยน บริษัทประกันภัยใหม่ โดยมีประวัติการขับรถดี ไม่มีการเคลมประกันเลยก็สามารถนำไปลดเบี้ย ประกันกับทางบริษัทประกันใหม่ได้เช่นกันครับ

ในส่วนของการเริ่มต้นความคุ้มครอง จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์ครับ ประกันรถยนต์ชั้น 1จะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ หลังจากรถของคุณผ่านการพิจารณารับประกันภัยและตรวจสภาพจากบริษัทฯ เรียบร้อยแล้วเท่านั้น ส่วนประกันรถยนต์ 2+,3+,3 และ พ.ร.บ. จะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ตามวันที่ที่คุณระบุไว้ เช่น ระบุเป็นวันที่ 1 มกราคม 2566 จะเริ่มคุ้มครอง 1 มกราคม 2566 (เวลา 00.01 น.) และสิ้นสุดความคุ้มครอง 1 มกราคม 2567 (เวลา 16.30 น.)

เพราะ gettgo ทำให้การซื้อประกันเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย สามารถค้นหา เปรียบเทียบและเลือกซื้อแบบประกันที่คุ้มค่า และเหมาะสมได้ด้วยตัวเอง มีช่องทางชำระเงินให้เลือกตามสะดวกและเลือกผ่อนชำระได้สูงสุดถึง 10 เดือน